วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

รูปแบบสื่อการเรียนรู้ของ Media Literacy และ Multimedia Literacy

Media Literacy และ Multimedia Literacy


ปัจจุบันมีเดียและมัลติมีเดียจัดว่าเป็นสื่ออีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ (Product and Service Presentation) การเรียนการสอนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์(E-learning) และการนำเสนอผลงานต่างๆ (Task Presentation) ตลอดจนใช้เป็นสื่อบันเทิง(Entertainment) ทั้งในครัวเรือนและอุตสาหกรรม


ในหน่วยการเรียนรู้นี้ มุ่งเน้นให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจถึงความหมาย องค์ประกอบและประโยชน์ของมีเดียและมัลติมีเดีย และการสร้างงานมีเดียและมัลติมีเดียด้วยโปรแกรมที่เลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง




ตัวอย่าง VIDEO








VIDEO FULL





วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Work Integrated Learning


       ประสบการณ์และสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ 
  
   1. ปัญหาจากการทำงาน
               ในกระบวนการการทำงานในโรงงานมักมีปัญหามากมายหลายจุด จะยกตัวอย่างปัญหาของงาน
     
       ปัญหา: เกิดรอยดึงที่ชิ้นงาน
                    มีลักษณะเป็นงานดึง เป็นรอยย่นของเนื้ออลูมิเนียมทำให้ได้งานที่ไม่มีคุณภาพและยังเป็นงานเสียอีกด้วย




          สาเหตุ:   1. อุณหภูมิแม่พิมพ์ร้อนเกินไป
                        2. สเปรย์น้ำหล่อเย็นฉีดไม่ทั่วถึง
                        3. อลูมิเนียมจับเกาะที่แม่พิมพ์สะสมทีละนิด จนเกิดปัญหา





            แนวทางแก้ไข:     1. ตรวจสอบระบบน้ำของแม่พิมพ์อยู่เสมอเมื่อมีการใช้งานอยู่
                                       2. ปรับหัวสเปรย์ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของแม่พิมพ์
                                       3. ใช้ลูกขัดเหล็กปั่นไปที่เศษอลูมิเนียมที่เกาะติดอยู่กับแม่พิมพ์ออกให้หมด


   2. ส่วนประกอบของแม่พิมพ์ ( Mold )

แม่พิมพ์ด้าน Fix




1. Gate   เกททางเข้าของอะลูมิเนียม มีหน้าทำนำพาน้ำโลหะเข้ามาสู่โพรงแบบภายในแม่พิมพ์
2. Over Flow   เป็นส่วนเกินของน้ำโลหะที่สามารถไหลเข้าไปในส่วนนี้ เพื่อแก้ปัญหาการฉีดงานไม่เต็มแบบได้
3. Core เป็นส่วนที่สร้างขึ้นในส่วนของชิ้นงานที่มีรู การสร้าง Core มีทั้งแบบถอดเปลี่ยนได้และแบบเปลี่ยนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่สามารถวาง Core ลงในส่วนของแม่พิมพ์
4. Chill Vent   เป็นส่วนที่ใช้ระบายอากาศส่วนเกินที่มากับน้ำโลหะ และส่วนเกินจากการอัดแรงเพื่อฉีดน้ำโลหะเข้าให้เต็มแม่พิมพ์

 แม่พิมพ์ด้าน Move



1. Runner เป็นทางวิ่งของน้ำโลหะภายในแม่พิมพ์ ซึ่งลักษณะของการออกแบบต้องคำนึงถึงแรงวิ่งของน้ำโลหะเพื่อที่จะสามารถไหลเข้าเต็มแม่พิมพ์ได้ หากคำนวณขนาดใหญ่หรือเล็กเกินไป ก็จะเกิดปัญหาในการฉีดได้
2. Slide Core เป็นส่วนของแม่พิมพ์ที่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยการใช้ไฮดรอลิกควบคุม ซึ่งการสร้าง Slide Core ก็เนื่องจากลักษณะของชิ้นงานที่มีรูอยู่ในส่วนที่ไม่สามารถใส่ Core เข้าไปได้ ส่วนของ Slide Core ต้องสัมพันธ์กับรูปร่างภายนอกของชิ้นงานเป็นอย่างดี หากมีระยะห่างเกิดขึ้นก็จะทำให้ชิ้นงานเกิดครีบในส่วนที่มี Slide Core ได้

3. Ejector Pin เป็นส่วนที่ใช้กระทุ้งชิ้นงาน Chill vent, Air vent , runner และOver Flow ออกจากแม่พิมพ์ การออกแบบ Ejector ต้องคำนึงถึงตำแหน่งในการวางให้ดี เนื่องจากหากวางผิดตำแหน่งแล้วอาจเกิดปัญหาชิ้นงานยุบตัวได้ ความสำคัญของ Ejector Pin จะต้องมีผิวหน้าเท่ากับผิวหน้าของชิ้นงานหรือส่วนนั้นๆ หาก Ejector Pin ต่ำหรือสูงเกินไป ก็จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพงานได้หลังการฉีด 


   3. การเรียนรู้แบบบูรณาการการทำงาน ( Work Integrated Learning )


           การได้มีชีวิตและประสบการณ์ใหม่ๆของผมเกิดจากความผิดหวัง การด้อยโอกาสทางการศึกษาที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ ซึ่งอยากเรียนในมหาลัยเหมือนคนอื่นในภาคปกติ ซึ่งมีปัญหาหลายๆด้าน จึงทำให้มีแรงผลักดันได้มาเรียนแบบนี้ จึงทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป ทำให้การใช้ชีวิตในสังคมที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แก้ปัญหาชีวิตด้วยตัวเองเป็น ทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร




          อีกทั้งยังได้รับความรู้มากมาย มีทั้งทางด้านทฤษฎีที่ได้จากการเรียนในห้องเรียนและปฏิบัติงานจริงในโรงงานจริง ซึ่งในโรงงานมีวัสดุอุปกรณ์ในการศึกษาครบหรือไม่ก็มากกว่าในมหาลัยซะอีก ได้เห็นสิ่งใหม่ๆจากที่ไม่เคยเห็นในโรงเรียนหรือมหาลัยและยังสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ในห้องเรียนนำไปประยุกต์ใช้ควบคู่กับการทำงานที่เราทำอยู่ได้จริง ทำให้เรามีทักษะและประสบการณ์ในการทำงานเป็นอย่างมากและเป็นการใช้ชีวิตแบบคนโรงงาน ไม่ได้สุขสบายเหมือนเด็กในมหาลัยทั่วไป "การเรียนแบบนี้แหละ มันฝึกเราได้ทุกอย่างจริงๆ"


วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ห้องเรียนและห้องฝึกอบรมในอนาคต

ห้องเรียนและห้องฝึกอบรมในอนาคต



ห้องเรียนและห้องฝึกอบรมในอนาคต คิดว่าน่าจะมีการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ ห้องเรียนแบบใหม่ บรรยากาศน่าเรียน เป็นห้องเรียนแบบทันสมัย สามารถเรียนได้หลายรูปแบบ มีทั้งภาพ แสง สี และเสียง สามารถสัมผัสได้จริง เรียนรู้ได้จริง สามารถค้นคว้าได้ทุกเรื่องที่ผู้เรียนต้องการรู้ และไม่ต้องแบกหนังสือหรือกระเป๋าหนักๆกลับบ้าน โดยอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการทำการบ้านหรือทบทวนเรื่องเรียนที่ผ่านมา

ไม่ว่าจะเป็นการมาเรียนที่โรงเรียน โรงเรียนที่บ้าน มีครูสอน หรือไม่มี ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเรียนรู้ได้ แต่ที่จะขาดไม่ได้คือการเน้นให้ผู้เรียนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีกิจกรรมร่วมกัน ช่วยเหลือกันและรู้จักการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม

ส่วนกิจกรรมเน้นการบรูณาการนั้น ครูผู้สอนหรือสื่อการสอนต่างๆ ควรมีความรู้หลากหลายวิชา เน้นให้ ผู้เรียนมีทักษะ มีความคิดรอบด้าน
สิ่งสำคัญ ห้องเรียนยุคใหม่นี้ต้องสามารถปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยได้ตลอดเวลา ไม่ย้ำอยู่กับที่ต้องสอนให้ผู้เรียนมีทั้งความรู้ควบคู่กับคุณธรรม

องค์ประกอบห้องเรียนและห้องฝึกอบรมในอนาคต
     องค์ประกอบของห้องเรียนแห่งอนาคตที่เรามองที่สำคัญมี 6 ด้าน คือ
     1. สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ แทนที่จะเป็นห้องเรียนที่ทุกคนหันหน้ามาเจอกระดาน 
นักเรียนหันหน้ามาทางเดียวกัน เราก็จัดเป็น studio classroom
     2. การเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทำให้เข้าถึงความรู้ได้ทุกที่
     3. กระบวนการเรียนรู้ศตวรรษที่ 21 หรือการเรียนรู้จากการตั้งปัญหาหรือ 
PBL (problem-based learning) ที่เรารู้จักกันดี
     4. ปรับวิธีเรียนเปลี่ยนการสอน คือ ทำอย่างไรให้ครูปรับตัวเป็นโค้ช คือสอนให้น้อย เรียนรู้ร่วมไปกับเด็ก
     5. การเตรียมพร้อมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ เป็น active learner แทน passive learner
     6. วัดและประเมินผลที่ทำอย่างไรให้เด็กเป็นผู้ประเมินตัวเอง ดูสิว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรกับเขาบ้างหลังจากที่อยู่ร่วมโครงการ 

   ที่มา : https://www.l3nr.org/posts/560973
                           http://thaipublica.org/2015/03/education-for-the-future_4/

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

E- Learning CAI และ WBI

ความหมายของ E- Learning CAI และ WBI
E-Learning (Electronic learning) คือ การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ความหมายของ E-learning ถูกตีความต่างกันไปตามประสบการณ์ของแต่ละคน แต่มีส่วนที่เหมือนกันคือใช้เทคโนโลยี เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ โดยมีการพัฒนาตลอดเวลา ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี สำหรับผู้เขียนให้ความหมายของ E-learning ว่าเป็น "การใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตเข้ามาส่งเสริมการเรียน การสอน ให้เกิดประสิทธิผล" คำว่า E นั้นย่อมาจาก Electronic ส่วนคำว่า learning มีความหมายตรงตัวว่าการเรียนรู้ เมื่อนำมารวมกันหมายถึงการเรียนรู้โดยใช้ electronic หรือ internet เป็นสื่อ คำที่มีความหมายใกล้เคียง เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI = Computer Assisted Instruction)  หรือ การสอนบนเว็บ (WBI = Web-based Instruction)
WBI : (Web - Based Instruction)  คือ เว็บช่วยสอน เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนการสอน การฝึกอบรม รวมทั้งการถ่ายทอดความรู้ โดยพัฒนา CAI เดิมๆ ให้เป็นสื่อการเรียนการสอนที่อยู่บนฐานของเทคโนโลยีเว็บ หรือ WBI (Web-based Instruction) ส่งผลให้การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนได้รับความนิยมอย่างสูง สามารถเผยแพร่ได้รวดเร็ว และกว้างไกลกว่าสื่อ CAI ด้วยประเด็นสำคัญได้แก่ คุณสมบัติของเอกสารเว็บที่สามารถนำเสนอข้อมูลได้ทั้งข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง วีดีทัศน์ และสามารถสร้างจุดเชื่อมโยง (Links) ไปตำแหน่งต่างๆ ได้ตามความต้องการของผู้พัฒนา บริการต่างๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้เกิดช่องทางการสื่อสารระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนในระบบ 7 x 24 และไม่จำกัดด้วยสถานที่ การเรียนการสอนผ่านเว็บ ( Web base Instruction ) จึงหมายถึง การรวมคุณสมบัติของสื่อหลายมิติ (Hypermedia) กับคุณลักษณะของอินเตอร์เน็ตและเวิร์ดไวท์เว็บ มาออกแบบเป็นเว็บเพื่อการเรียนการสอน สนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายที่สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา โดยมีลักษณะที่ผู้เรียนและผู้สอนมี ปฏิสัมพันธ์กันโดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงถึงกัน
CAI : (COMPUTER-ASSISTED INSTRUCTION) คือ สื่อมัลติมีเดียที่ถูกสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์นำมาใช้การเรียนการสอน CAI (CAI, Computer-Assisted Instruction) แต่ปัจจุบันมีผู้นิยมคำว่า CBT (Computer Based Teaching หรือComputer Based Training) มากกว่า คำใหม่นี้ถ้าแปลตามตัวก็คง หมายถึง การสอนหรือการฝึกอบรมโดย ใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลักนอกจากนี้ในอเมริกาก็ยังมีคำนิยมใช้กันอีกคำหนึ่งคือ
CMI (Computer Managed Instruction) หมายถึงการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการให้ ส่วนในยุโรปมักจะใช้คำแตกต่างจากในอเมริกันในยุโรปในปัจจุบันคือ CBE (Computer Based Education) หมายถึงการศึกษาโดยอาศัยคอมพิวเตอร์เป็นหลักนอกจากนี้ก็มีอีกสองคำที่แพร่หลายเช่นกัน คือ CAL (Computer assisted Learning) และ CML (Computer Manager Learning) เป็นการเรียน (Learning) สำหรับในประเทศไทยนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องมักนิยมใช้คำว่า CAI มากกว่า CBT หรือคำอื่น ๆ ส่วนในภาษาไทยนั้นจะใช้แตกต่างกันไป เช่น ใช้คำว่าบทเรียน CAI ตรงตัว บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน บทเรียนช่วยสอนด้วยคอมพิวเตอร์ บทเรียนสำเร็จรูปด้วยคอมพิวเตอร์ โปรแกรมบทเรียนคอมพิวเตอร์

ความแตกต่างระหว่าง E- Learning CAI และ WBI

               E-learning :: เป็นเสมือนวิวัฒนาการของ WBI นั้นเอง จะเห็นได้ชัดว่า E-learningและ WBI ต่างก็เป็นการผสมผสานระหว่าง web technology กับกระบวนการออกแบบการเรียนการสอนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการเรียนรู้ และแก้ปัญหาในเรื่องข้อจำกัดทางด้านสถานที่และเวลา (anywhere, anytime) ในการเรียน แต่เดิมการเรียนการสอนแบบ WBI มักจะเน้นเนื้อหาในลักษณะตัวหนังสือ (text-based) และภาพประกอบ หรือ วีดีทัศน์ ที่ไม่ซับซ้อนเท่านั้น 
ดังนั้นความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง WBI กับ E-learning นั้น แทบจะไม่มีเลย
CAI :: เป็นกระบวนการเรียนการสอนโดยใช้สื่อคอมพิวเตอร์ ในการนำเสนอเนื้อหาเรื่องราวต่างๆ มีลักษณะเป็นการเรียนโดยตรง แต่ไม่สามารถโต้ตอบระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์ได้ อาจจะมีหรือไม่มีอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อก็ได้
WBI :: สามารถทำการสื่อสารภายใต้ระบบ Multi-user ได้อย่างไร้พรมแดน โดยผู้เรียนสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้เรียนด้วยกัน อาจารย์หรือผู้เชี่ยวชาญ ฐานข้อมูลความรู้และยังสามารถรับส่งข้อมูลการศึกษาอิเล็กทรอนิคส์ (Electronic Education Data) อย่างไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดสถานที่ ไม่มีพรมแดนกีดขวางภายใต้ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต                          


ตัวอย่าง E- Learning CAI และ WBI
         E-Learning
   CAI
                                                                      http://caistudio.info/
   WBI
                                     http://www.trueplookpanya.com/new/knowledge_list/all-2000/





ความหมายของการฝึกอบรม


    ความหมายของการฝึกอบรม






            โกลด์สเตน และ ฟอร์ด (Goldstein and Ford 2002 : ออนไลน์) ได้อธิบายว่า การฝึกอบรม เป็นทักษะในการเรียนรู้ เป็นระเบียบ กฎเกณฑ์ แนวคิด หรือทัศนคติอย่างมีแบบแผน เพื่อผลของการปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน บุคลากรที่ถูกจ้างเข้ามานั้นต้องมีความสามารถขั้นพื้นฐานที่จะพัฒนาเพื่อให้ประสบความสาเร็จ และการฝึกอบรมนั้นจะเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่ต้องการความ ท้าทายเพื่อหน้าที่ใหม่        

             ชาญ สวัสดิ์สาลี (2550 : 15) กล่าวว่า การฝึกอบรม หมายถึง กระบวนการที่เป็นระบบ ที่จะช่วยเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถและทักษะในการปฏิบัติงาน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ และพฤติกรรมในการปฏิบัติงานของบุคคล (ผู้ปฏิบัติงาน) ให้ดีขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้บุคคลนั้นสามารถปฏิบัติงาน ที่อยู่ในความรับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อ งานที่รับผิดชอบในปัจจุบัน และ/หรืองานที่กาลังจะได้รับมอบหมายให้ทาในอนาคตโดยตรง

             กิตติ พัชรวิชญ์ (2544 : 445) ได้สรุปไว้ว่า การฝึกอบรมหมายถึง กระบวนการจัดกิจกรรมที่ตรงกับความเป็นจริงของปัญหา จัดขึ้นเพื่อพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเปลี่ยนเจตคติของบุคลากร และนาประสบการณ์ทั้งหมดที่ได้รับจากการฝึกอบรมไปใช้แก้ปัญหาของงานที่ทาอยู่ให้บรรลุความสาเร็จตามความต้องการขององค์การ

             วิจิตร อาวกุล (2550 : 88-93) กล่าวว่า เทคนิคการฝึกอบรม หมายถึง วิธีการสอนการอบรมในรูปแบบต่าง ที่จะทาให้ผู้รับการฝึกอบรมเรียนรู้ เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ที่ค่อนข้างถาวร ตามวัตถุประสงค์ของการอบรม โดยการฝึกอบรมมีวัตถุประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรมให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ เกิดการเรียนรู้ 
จนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวรไปตามวัตถุประสงค์ของการอบรม

            ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2547 : 7) กล่าวว่า การฝึกอบรม หมายถึง กระบวนการพัฒนาความรู้และประสบการณ์ ทัศนคติ ค่านิยม คุณธรรม และทักษะความชานาญเฉพาะด้าน โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้บุคลากร สามารถดาเนินภารกิจที่รับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าทันเทคโนโลยีและวิทยาการที่เปลี่ยนแปลงไป

                                                                                  
   ที่มา     ird.stou.ac.th/dbresearch/uploads/25/บทที่%202.pdf


           ตัวอย่างเว็บไซต์การฝึกอบรม